ข้อคิดชีวิต เบื้องหลังการทำงานของศิลปินอาวุโสระดับตำนาน
ได้เสียงตอบรับดีมากเพียงแค่ออกอากาศไป 2 ตอน สำหรับละครหาดูยากอย่าง “ริมฝั่งน้ำ” ที่เสนอเรื่องราวของผู้สูงวัยและความรักความผูกพันในครอบครัวสมัยใหม่ เพราะตั้งใจให้เนื้อหาละครสะท้อนความรักและหันกลับมาใส่ใจผู้สูงวัย ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป่าจินจงจึงรวมศิลปินแห่งชาติสาขาการแสดงไว้ในละครถึง 4 ท่าน พร้อมด้วยนักแสดงอาวุโสฝีมือคุณภาพ นำโดย คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ พุทธศักราช ๒๕๕๗ คุณสุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ผู้กำกับ-นักแสดง พุทธศักราช ๒๕๕๓ คุณพิศมัย วิไลศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ -นักแสดงพุทธศักราช ๒๕๕๓ คุณเศรษฐา ศิระฉายา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ด้านดนตรีไทยสากล - ขับร้อง พุทธศักราช ๒๕๕๔ ร่วมด้วยศิลปินอาวุโส โฉมฉาย ฉัตรวิไล ทาริกา ธิดาทิตย์ ชูศักดิ์ สุธีรธรรม สุดา ชื่นบาน น้ำเงิน บุญหนัก ณัฐนี สิทธิสมาน ฉันทนา กิติยพันธ์ ซึ่งแต่ละท่านก็มีข้อคิดดีๆมาถ่ายทอดและเล่าเบื้องหลังการทำงานที่สนุกสนานของละครเรื่องนี้
พ่ออาด สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ รับบทเป็น ชาญชัย “บทชาญชัยเป็นบทที่เป็นเหมือนตัวเอก เป็นแกนหลักของเรื่องนี้ มันซ่อนอะไรไว้หลายๆ อย่างในตัวชาญชัย ซึ่งไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นตัวที่ให้สาระ เนื้อหามาก ผมภูมิใจที่ได้เล่นตัวนี้ เพราะถึงเวลา ผมจะเป็นคนงัดไม้เด็ดของเรื่อง ละครเรื่องนี้ได้ทำงานร่วมกับรุ่นลูก รุ่นหลาน แล้วก็รุ่นเพื่อน คือโอกาสที่จะทำงานกับนักแสดงรุ่นเดียวกันเยอะๆนี่ มันน้อย โดยเฉพาะเรื่องนี้มีศิลปินแห่งชาติถึงสี่คน แล้วก็รุ่นลูกๆ ที่เริ่มเข้าวงการใหม่ ที่เล่นเก่งแล้วก็ค่อนข้างจะเยอะ มีโอกาสได้แนะ ได้ช่วยกันประคับประคองกันไป ก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กใหม่ แล้วก็คนรุ่นๆเราด้วยว่า วิธีการที่จะอุ้มชู การประคับประคองกันไป มันต้องทำยังไง ให้เด็กเค้ามีความรู้สึกว่าอบอุ่น แล้วเค้าได้มาทำงานกับรุ่นเดอะ รุ่นเก๋าถึงขนาดนี้ แต่ละคนก็พยายามประคับประคองช่วยชี้แนะให้เค้า ซึ่งโอกาสที่นักแสดงอยากจะมาเล่นอย่างนี้ มันหาไม่ได้ง่ายๆ อยู่ๆ จะไปเล่นคู่กับพิสมัย คู่กับสะอาด คู่กับสุประวัติ แต่ละคนเขี้ยวเล็บเค้าเต็มตัว แล้วเค้าก็สามารถที่จะแนะเด็กรุ่นใหม่ได้ ผมว่ามันเป็นเรื่องดีนะ เป็นโอกาสดีของเด็กสมัยนี้ที่ได้มาร่วมงานกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องนึงที่นักแสดงหลายท่านหลายวัยมาร่วมงานในครั้งนี้ เจตนาที่จะเป็นโบนัสให้กับคนดู ดูแล้วอาจจะมีความรู้สึกว่ามันก็เรื่องธรรมดาที่แฝงชีวิต แฝงปรัชญาแต่มันหาละครแบบนี้ไม่ง่ายหรอก ผมยืนยันในฐานะที่ผมเป็นนักแสดงที่อาวุโสที่สุดในเรื่องนี้ครับ”
มี๊ พิศมัย วิไลศักดิ์ รับบทเป็น “นิ่มนวลละครเรื่องนี้จะให้ข้อคิดแก่คนดูให้กลับมามองตัวเอง ดูละครเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง ถ้าพ่อแม่ มีปัญหาอย่างนี้ เราจะแก้ยังไง ถ้าเป็นตัวเรา เราจะทำยังไงกับพ่อแม่เรา ให้เป็นการเตือนสติว่าคนเราวันนึงเราก็จะถึงวัยนี้ ต้องเป็นย่าเป็นยายเหมือนกัน แล้วอย่างวัยรุ่นสมัยนี้เชื่อมือถือมากกว่าเชื่อพ่อเชื่อแม่ ก็เป็นปัญหาครอบครัวเพราะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่ก็มีบางครอบครัวที่เค้ารักพ่อรักแม่ เค้าก็พาพ่อแม่ไปกินข้าวตามห้าง เข็นรถไป น่ารัก อันนั้นมันเป็นกุศล แล้วก็ทำให้เค้าเจริญเอง วันนึงเค้ามีลูกหลาน ลูกหลานต้องกลับมาดูเค้าค่ะ ริมฝั่งน้ำนอกจากมีอรรถรสสนุกสนานแล้ว มันได้อะไรกลับไปคิดต่อ ถ้าเราเป็นตัวละครตัวนี้ เราจะทำยังไง เราเตรียมตัวเตรียมใจยังไงที่เราจะแก่ นอกจากสุขภาพแล้ว สมอง ความจำ เลอะเลือนไหม แต่เดี๋ยวนี้ไอ้โรคลืม มันลืมทุกคนค่ะ เดินข้างหน้า เอ้า ข้างหลังลืมแล้ว ในละครเราจะเห็นว่าพ่อแม่แต่ละบ้านเป็นยังไง อีกอย่างเวลานี้คนหันมาทำเนอร์สเซอรี่ดูแลคนแก่กันเยอะ เพราะว่าปัญหาหนึ่ง ลูกหลานไปทำงาน พ่อแม่อยู่บ้านคนเดียว ก็จำเป็นที่จะต้องมีเนอร์สเซอรี่ คนสนใจกันเยอะ คนที่เป็นย่าเป็นยายก็เหมือนกันคุณต้องเข้ากับเด็กให้ได้ใช่มั้ยคะ คุณต้องตามเค้า โลกมันเปลี่ยนแล้ว ถ้าเกิดเราไปฝืนเค้า เค้าก็จะทิ้งเรา เค้าไม่อยากอยู่กับเรา ถ้าเราคล้อยตามเค้า เค้าก็อยากอยู่กับเราเป็นเพื่อนเราได้ จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขค่ะ”
แม่เม้า สุดา ชื่นบาน รับบทเป็น ดวงใจ “บรรยากาศทำงานสนุกสนาน มาถึงก็ได้หัวเราะ เพราะว่ามีรุ่นพี่รุ่นน้อง แล้วก็มีเรื่องโจ๊ก แต่ละคนนี่ก็จะมีอุปนิสัยที่ทำให้มีเรื่องสนุกๆ ได้คุยกัน ก็จะเพลิดเพลิน แล้วโดยเฉพาะสถานที่ก็ทำให้อยากมา อย่างมีฉากเต้นรำนี่ก็ชอบค่ะ ทางถนัดของแม่ สำหรับ ริมฝั่งน้ำ มันถูกจุดสำหรับคนสูงวัยที่จะได้รู้ว่า คนสูงวัยเค้าต้องการอะไร ลูกหลานจะต้องคอยดูแลยังไง เป็นละครสะท้อนสังคม อย่างในเรื่องจะมีทั้งคนที่มีฐานะแต่ก็จู้จี้จุกจิก บางคนเป็นคนธรรมดาบ้านไม่มี แต่พอมีตังค์ที่จะมาอยู่ในนี้ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงของทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ดูละครแล้วจะได้ย้อนกลับไปดูตัวว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไร ก่อนที่คุณจะถึงวัยเกษียณ เพื่อที่จะให้มีทุนสำรอง ถ้าลูกเต้าไม่เลี้ยง คุณก็มาอยู่บ้านสงเคราะห์ผู้ชราได้ เป็นการให้คนสูงวัยเตรียมตัวไว้ อย่าทำอะไรโดยไม่เตรียมตัว วันข้างหน้าไม่รู้ว่าลูกคุณจะดูแลคุณหรือเปล่า เพราะเค้าไปมีครอบครัว เค้าก็ต้องไปดูแลครอบครัวเค้า”
แม่แอ๊ด โฉมฉาย ฉัตรวิไล รับบทเป็น ม้วน “ มาเล่นละครเรื่องนี้รู้สึกอบอุ่น มีแต่ผู้อาวุโสมาเล่นทั้งนั้นเลย แล้วทุกครั้งที่เราเจอกัน มันจะมีความสุข สนุกสนาน เด็กๆเค้าจะรำคาญเรารึเปล่าไม่รู้นะ แต่คือเราไม่เคยรำคาญกัน เรามีแต่เป็นห่วงเป็นใยกัน นั่งคุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบ ทานข้าวทานขนมด้วยกัน เป็นบรรยากาศในกองที่อบอุ่นที่สุด เพราะแต่ละคนไม่ใช่รู้จักกันแค่สิบหรือยี่สิบปี เรารู้จักกันตั้งแต่อายุสิบกว่าๆ มาจนบัดนี้เราจะเจ็ดสิบแล้ว ในเรื่องนี้มีนักแสดงรุ่นใหม่รุ่นลูกรุ่นหลานด้วย เค้าก็มองพวกเรา แล้วเค้าก็ยิ้มมีความสุขไปกับการหัวร่อต่อกระซิกของพวกเรา ส่วนการสอนนักแสดงรุ่นลูกๆหลานๆ นี่คือ ถ้าเด็กไม่เดินมาถามว่า แม่อันนี้หนูควรจะใช้เสียงยังไงหรืออะไรต่ออะไรยังงี้ เราจะไม่ยุ่ง เราจะแนะนำก็ต่อเมื่อเด็กเดินเข้ามา เพราะว่านักแสดงรุ่นแม่ ถือคติอยู่อย่างนึงว่า เราจะไม่ก้าวก่ายผู้กำกับนะคะ แม่เป็นคนเคารพผู้กำกับที่สุดค่ะ ผู้สูงอายุที่เข้ามาอยู่ที่บ้านพักคนชราบางคนก็ตัวคนเดียว ไม่มีลูกมีหลาน บางคนลูกหลานเค้าก็พยายามอยากให้เรามาอยู่ในที่ที่ดีที่สุด แต่ปู่ย่าตายายพ่อแม่เค้าก็อยากจะอยู่กับลูก มันเป็นเรื่องปกติ เค้าก็ได้แต่ชะเง้อรอว่าลูกหลานจะมาเยี่ยมไหม จะซื้ออะไรมาให้กินไหม ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้าง ไม่ส่งข่าวมาเลย สังคมไทย เราก็เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว แม่ก็อยากจะฝากกับเด็กๆ รุ่นใหม่ เด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่พอเค้าโตขึ้น พ่อแม่ก็จะส่งไปอยู่หอพัก ความผูกพันระหว่างพ่อแม่ปู่ย่าตายายมันเลยน้อย โดยเฉพาะเด็กที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดแล้วมาอยู่ใน กทม. ยิ่งอย่าหวังเลยว่าถ้าเค้ามีงานมีการทำแล้วเค้าจะกลับไป น้อยรายที่จะกลับไป อย่างแม่ยังโชคดีตรงที่ว่าเรามีลูก พ่อแม่ดูแลเรามาตลอดจนกระทั่งเค้าตายจากไป เพราะฉะนั้นพอมาถึงรุ่นเรา นอกจากเราได้เลี้ยงพี่ เลี้ยงน้อง เลี้ยงใครต่อใครแล้ว ก็เลี้ยงลูกของเรามา ชีวิตแม่ถึงได้มีความอบอุ่น นี่คือสิ่งหนึ่งที่เรากล้าพูดได้ เรามีความสุข มีความอบอุ่น หันซ้ายหันขวาก็เจอน้อง เจอลูก เจอหลาน มันไม่มีอะไรที่จะประเสริฐไปกว่าสิ่งเหล่านี้ เรามีเงินทองทรัพย์สมบัตินะ แต่ถ้าต้องอยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อ้างว้าง เด็กๆรุ่นใหม่ นี่ต้องคิดนิดนึงนะลูก ถ้าเผื่อหนูทำตัวเป็นอิสระที่ไม่อยากยุ่งกับผู้ใหญ่ เมื่อถึงเวลาหนูเจ็บไข้ได้ป่วย หรือหนูตกงานตกการขึ้นมา หนูจะไปพึ่งใครล่ะใช่มั้ยคะ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่หรือว่าญาติของเรา เพราะฉะนั้นความรัก ความสามัคคี ความอบอุ่นในครอบครัวนี่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะสังคมสมัยนี้ที่เหมือนต่างคนต่างอยู่กันค่ะ”
แม่ก้อย ทาริกา ธิดาทิตย์ รับบทเป็น บุษกร “แม่ห่างหายจากการเล่นละครไปนานมาก เพราะตอนหลังมาเป็นผู้จัดด้วย ก็ไม่ค่อยกล้ารับเล่นละคร เพราะเรามีความรู้สึกเกรงใจ แต่อย่าง ตู่ นพพล ก็น้อง สนิทกัน มีอะไรก็จะบอกจะปรับ แล้วเค้าก็บอกว่าบทไม่ยาว เล่นแอ็คติ้ง เราก็ได้ ยิ่งพอเห็นชื่อคนโน้นคนนี้ก็อยากมาเล่นค่ะ (หัวเราะ) ไม่สนใจว่าจะเมื่อไหร่ นัดมาเหอะ อยากไปๆ อยากมาเจอพี่ๆเพื่อนๆ มันสนุก มันมีความสุขที่จะได้ทำงาน ริมฝั่งน้ำพูดถึงเรื่องความรัก ให้ใส่ใจระหว่างเด็กให้กับผู้ใหญ่ ครอบครัวให้กับครอบครัว พ่อแม่ให้กับลูก เพื่อนฝูงให้กับคนที่มาอยู่รวมกันโดยไม่ได้รู้จักกัน มันอยู่ในเส้นธรรมะของเรา ว่าเราต้องเปิดใจรับคนอื่น เราต้องให้อภัย คนเรามาจากร้อยพ่อพันแม่ เพราะฉะนั้นอะไรที่ยอมกัน อะไรที่เอื้ออาทรต่อกัน เราต้องให้ค่ะ แล้วในสมัยนี้การทำงานมันดึงเวลาทุกคนออกไป ทุกคนอาจจะบอกว่ารักลูก รักเพื่อน รักสามี รักภรรยา แต่เวลาที่คุณมีให้เค้าแม้น้อยนิด มันก็จะทำให้กระชับความรู้สึกทุกอย่าง อย่างลูกเรา ถ้าเผื่อเรากอดกันสักนิดนึง มันก็อบอุ่น มันมีความหมายเยอะมาก หรือกับเพื่อน ไม่ต้องบอกว่าทุกข์หรือเปล่า แค่เดินไปจับมือกัน ไม่ก็โอบกอดกัน แตะตัวกัน มันก็มีความรู้สึกว่าความห่วงหาอาทร ละครเรื่องนี้ถ้าเราดูสนุกสนานไปเรื่อยๆ ก็อาจจะไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ดู คนที่เป็นลูกดู คุณก็จะนึกถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็ต้องมามองถึงเด็กถึงลูกถึงหลาน ว่าเค้าต้องการอะไร เราต้องการอะไร มันต้องค่อยๆ ที่จะเอื้ออาทรกัน มีเวลาให้กันบ้าง คุณไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่โทรศัพท์มาบอกแม่บอกพ่อว่าอยู่ที่นี่นะเท่านั้น เพราะว่าเด็กสมัยนี้เค้าจะขีดกั้นวงที่อยากให้เรารู้ เมื่อไหร่ที่เราถามเค้าจู้จี้ เค้าจะไม่พูด ไม่ตอบ แต่ว่าเราก็ต้องทำใจว่าให้รู้แค่ไหนก็แค่นั้น ทุกๆ คนมันมีอันนี้เหมือนกัน แล้วถ้าเผื่อลูกเอาเราติดตัวตลอดเวลา เราก็ไม่อยากเนาะ เพราะเราก็อยากมีสังคมของเราเหมือนกัน เราจะไปติดลูกอยู่ตลอดเวลา แล้วเวลาที่ลูกมีแฟน มีครอบครัว เค้าเนี่ยต้องเดินหน้าต่อไป เราน่ะถอยหลังแล้ว อย่าไปเกาะติดเป็นตุ๊กแก ถ้าเผื่อว่ามันว้าเหว่มาก เราก็ต้องหาสังคมของเรา หาเพื่อนเรา หาความสนุกให้กับตัวเรา มันหาความสุขได้ทุกที่ค่ะ จริงๆ มันก็เป็นธรรมะที่อยู่ในชีวิตเลย ก็อยากจะให้ทุกคนดูแล้วค่อยๆ คิด คิดแล้วเอามาคิดกับตัวเอง แก้ที่ตัวเองก่อน แล้วพยายามเปิดใจ รับทุกคน รับแต่ความสุขเข้ามา อะไรที่ปล่อยวางได้ปล่อย อะไรที่เป็นทุกข์ อย่าไปยึดติดกับมัน อะไรที่มันทำให้เราทุกข์ อะไรที่ทำให้เราป่วย อะไรที่ทำให้เราหงุดหงิด อย่าทำร้ายตัวเอง อย่างบ้านร่มไม้ชายคาในเรื่องเป็นบ้านที่สอนได้ทุกเรื่องเลยค่ะ แต่ละครอบครัวก็จะมีปัญหาไม่เหมือนกันค่ะ”
อาชู ชูศักดิ์ สุธีรธรรม รับบทเป็น เชาว์ “เชาว์ เป็นหนุ่มมาจากใต้ คารมดี ทำอาหารใต้เก่ง เป็นตัวละครที่มีสีสัน มาถึงก็สร้างความสนุกให้กับทุกคน ชอบมองสาวๆ หมายปองเค้าไปหมดทุกคน เสร็จแล้วไม่ได้ใครหรอกนะ พักอยู่ห้องเดียวกับคุณโตมร เป็นเหมือนคู่ปรับกัน แต่พอคุณโตมรเค้าไม่สบาย ผมก็ห่วงใยเค้า เพราะมันมีความอยู่ด้วยกัน คิดถึงกัน ระลึกถึงกัน พอรู้ว่าบ้านร่มไม้ชายคาต้องปิด ทุกคนก็เศร้าใจที่ต้องแยกย้าย เราก็ตัดสินใจไปเช่าบ้านอยู่กันสองคนกับคุณโตมร ไม่ทิ้งกัน จากคู่ปรับก็กลายมาเป็นเพื่อนซี้ พ่อไม่ได้เล่นละครมานานมาแล้ว พอมากำกับแล้วก็ไม่ค่อยได้เล่น จะเล่นก็มีเป็นตัวนิดๆ หน่อยๆ พวกคนขับรถ คนสวน คนธรรมดา แต่เรื่องนี้มันมีคิว แล้วเรารู้สึกว่าอยากกลับมาเล่นอีก พอมาเล่นเข้า ได้บทอย่างนี้มันก็น่าเล่นนะ บทดีๆ บทเพราะ บทสวย ก็สนุกสนานครับ เวลามาทำงานได้เจอกับเพื่อนๆ ฝากติดตามด้วยนะครับ ริมฝั่งน้ำ สนุกครับ”
พ่ออี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต รับบทเป็น โตมร “ตัวละครโตมรเองก็เป็นข้อคิดให้แก่คนดูด้วยว่า จริงๆ แล้วเนี่ยต้องพิจารณาดูให้ดีอะไรให้ดี มันเป็นสีสันที่แปลกมากในตัวละครตัวนี้นะ จะกลับไปกลับมาดูเหมือนมันบ้า แต่ถ้าเห็นตอนท้ายแล้วจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือมันขีดเส้นตัวเอง มันคิดผิดตรงที่ว่ามนุษย์เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ทุกคนจะประสบในตรงนั้นหมด เป็นการเขียนบทอย่างชาญฉลาด เมื่อเจอบทนี้ก็รู้สึกสนุกว่า เป็นสิ่งที่ดูแปลก จะตลกไปเลยก็ไม่ใช่ จะชีวิตก็ไม่ใช่ จะกวนตีนปากหมาอะไรก็ไม่ใช่ ตัวละครตัวหนึ่งมันปิดกั้นชีวิตของตัวเองจนไม่เห็นตัวเอง แต่แก่นแท้ของมันก็ออกมาในตอนจบ ให้รู้ว่าแล้วทุกคนก็รักเขา
การที่จะต้องอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ มันมีอยู่สองทางที่จะมองสวนกลับกัน ทางแรกคือมองจากคนที่อายุวัยอ่อนอาวุโสกว่า มองขึ้นไปยังคนสูงอายุที่เราจะต้องสัมผัสกัน มันเป็นระบบธรรมดาของคนไทยอยู่แล้วว่า ถ้าเผื่อเป็นคนต่างประเทศมันก็จะถูกปล่อยทิ้งถูกละเลยเพราะว่ามันไม่ได้ถือว่าผิด ต่างคนต่างไปมีครอบครัวแล้วก็จะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่คนไทยไม่ใช่อย่างนั้น จะต้องดูแลพ่อแม่ ไม่ทิ้งครอบครัวไปที่ไหน อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าจะได้อยู่ในความดูแล และมันเป็นขนบมาตั้งแต่โบราณ ถึงแม้ว่าจะต้องออกไปอยู่กันอย่างจริงๆจังๆ เก็ยังต้องคอยดูแลวันสองวันต้องเข้าไปดูบ้าง เรียกว่าต้องไม่ให้ผู้ใหญ่รู้สึกเฮิร์ท รู้สึกอกหักด้วยการถูกทิ้งไป เพราะงั้นคนที่เป็นคนอ่อนอาวุโสที่จะมองไปยังผู้อาวุโสที่จะต้องดูแลกัน ขอให้คิดถึงข้อนี้ไว้ให้มาก ต้องเอาใจใส่ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านต่างกัน ต้องเอาใจใส่ต้องหมั่นดูแล ต้องมาเยี่ยม แค่นี้ก็ทำให้เขาพอใจแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองเลยนะ ตรงนี้คือน้ำใจ นี่คือลักษณะของคนที่คนอ่อนอาวุโสมองไปที่ผู้อาวุโส
ส่วนผู้อาวุโสที่มองไปยังลูกเด็กเล็กแดงมันก็กลับทางกันนะ เขาก็ต้องไปมีชีวิตที่ทันสมัยขึ้น ต้องออกไปทำงานหลายๆ วัน ต้องเกิดธรรมะขึ้นมากๆด้วย ธรรมะในผู้ใหญ่นี่ก็คือต้องรู้จักปล่อยวาง นั่นคือความจำเป็นในชีวิตใหม่ของเขา ถึงวันหนึ่งแล้วเราก็จะต้องตายไปจากโลก เขาก็ต้องมีชีวิตต่อไป แล้วก็เกิดความรู้สึกว่าจริงหรือที่เขาไปแล้ว เวลาที่เราเป็นอะไร เขาจะไม่กลับมาดูแล เพียงแต่ว่ากิเลสเท่านั้นที่เราคิดว่าเขาจะต้องอยู่กับเรา เราก็ได้คำตอบว่า วัยอาวุโสแล้วควรจะต้องทำตัวยังไง เตรียมตัวไว้ให้ดี โลกนี้อนิจจัง มันจะยังไงก็ได้ จะเป็นจะตายจะเกิดอะไร อยู่ก็ทำความดีไว้ อยู่ในอาชีพอะไรทำอาชีพนั้นให้ดี พ่อก็เกิดความรู้สึกสนุกว่าถ้าฉันอยู่ ฉันก็จะอยู่ในอาชีพนี้ ที่ดี ฉันยังแข็งแรงฉันก็จะเล่นต่อไป เตรียมตัวให้ดีอย่างที่พูดไว้แต่แรกว่ารับฟังเด็ก รับฟังคนกำกับ รับฟังผู้ใหญ่ สิ่งอะไรใหม่ๆ รับฟังบทที่เขาเล่นนี่ พยายามเล่นตีของเขาให้แตก แล้วเล่นของเขาให้ได้ ถ้าชอบวิธีพ่อ ก็จงเอาวิธีพ่อไปใช้ นี่คือการท้าทายที่สุดว่า ทำทุกอย่างที่มีให้ดีที่สุด นั่นคือทั้งชีวิตความเป็นอยู่และการแสดงครับ
ริมฝั่งน้ำเป็นละครที่หาดูยาก เรื่องนี้เรามีให้ท่านทุกรส ท่านต้องการจะดูหนุ่มสาวก็มีหนุ่มสาวให้ท่านดูบนแนวทางของเรื่องราวที่ conflict กันอย่างมีเหตุผล แต่ถ้าท่านต้องการดูผู้สูงวัย ซึ่งไม่ใช่พ่อสูงวัยแล้วพ่อจะชอบนะ แต่พ่อชอบตรงที่ว่าผู้สูงวัยได้แสดงละคร แสดงที่เป็นศิลปะการแสดง ออกมาอย่างฝรั่งสมัยใหม่แสดง ก็คือว่ามนุษย์ที่เป็นนักแสดงเป็น actor แก่ๆ ของ Hollywood เล่นกัน พอเล่นแต่ละเรื่องมันมีค่าทั้งนั้นเลย มันมีค่าตรงที่ว่าดูแล้วมันอิ่มใจ เมืองไทยเราค่อนข้างขาดละครเช่นนี้ ท่านต้องได้ลองมาชมละครที่มีมนุษย์หลากหลายแสดงเหมือนอย่างฝรั่งเขา แล้วเราก็จะรู้ว่าบุคคลที่มีวัยสูงอายุเหล่านี้ ก็แสดงให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเนี่ยเกิดความน่าสนใจ มีอะไรที่ซ่อน มีอะไรที่ทำให้น่าติดตาม มีอะไรที่น่าค้นคว้า และมีอะไรที่เป็นบทเรียนสอนให้ท่านรู้ว่า ควรดำรงตัวอย่างไรบนความฉลาดของผู้เขียนหรือผู้กำกับที่ทำให้รู้ว่าวิธีการเล่านั้น เขาเล่าอย่างฉลาด ซ่อนตรงนั้นไว้ เปิดตรงนี้ไว้ น้อมนำให้ควรจะดูอย่างงั้นอย่างงี้ เชื่อเถอะครับ ละครเรื่องนี้ผมว่า ต้องบอกเอาชื่อตัวเองว่าเวลาเล่นละครไปเนี่ย นอกจากตัวเองจะไม่ทำให้ผิดหวังแล้วผมว่าเรื่องนี้ มันทำให้ผมรู้ว่า ผมเล่นละครเรื่องนี้แล้ว ผมก็จะไม่ทำให้ละครเรื่องนี้เขาผิดหวัง เพราะละครเขาต้องการเช่นนั้น”
อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา รับบทเป็น เดชา “ คำว่าริมฝั่งน้ำ มันแปลได้หลายอย่าง ริมฝั่งน้ำอาจจะหมายถึงเราซึ่งตอนนี้อยู่ริมฝั่งน้ำ แล้วพร้อมที่จะล้มลงไป แล้วก็ตายอยู่ในน้ำเลย (หัวเราะ) จะเป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนนะครับ แต่ว่าก็มีตัวหลักๆเป็นพระเอก นางเอก ที่เค้าก็มีความรัก มีความห่วงใย ช่วยเหลือกัน สนุกดีครับ ละครเรื่องนี้เนื้อเรื่องมันแปลก รับรองว่าคนดูจะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ครับ”
เป่าจินจงเชิญคุณ สนุกเข้มข้นอบอุ่นเติมรักไปกับ ริมฝั่งน้ำ กำกับการแสดงโดย กัปตัน ภูธเนศ หงษ์มานพ นำแสดงโดย คณิน ชอบประดิถ ปณาลี วรุณวงศ์ คณิน สแตนลีย์ ชนกสุดา รักษนาเวศ และนักแสดงเกียรติยศศิลปินแห่งชาติ สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ สุประวัติ ปัทมสูต เศรษฐา ศิระฉายา พิศมัย วิไลศักดิ์ ร่วมด้วย ทาริกา ธิดาทิตย์ ชูศักดิ์ สุธีรธรรม โฉมฉาย ฉัตรวิไล สุดา ชื่นบาน ฉันทนา กิติยพันธ์ ภัสสร บุณยเกียรติ ดารณีนุช ปสุตนาวิน อุเทน พรหมมินทร์ ทัศนาวลัย จักรพงษ์ ศรุต วิจิตรานนท์ อริศรา วงษ์ชาลี สโรชา วาทิตตพันธ์ พร้อมนักแสดงคุณภาพอีกคับคั่ง
ทุกวันศุกร์ 20.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ 20.15 น. ทางช่อง 33 ช่อง 3